

นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน— [22/09/2568] — บริษัท อุบลราชธานี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนา นิคมอุตสาหกรรมอุบลราชธานี เข้าร่วมงาน “THAILAND-CHINA INVESTMENT: GROW STRONGER, WIN TOGETHER” ณ นครเซี่ยงไฮ้ วันที่ 22 กันยายน 2568 นี้
งานนี้เป็นการผนึกกำลังของหน่วยงานเศรษฐกิจแถวหน้าของไทย นำโดย การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.), คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI), และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อนำเสนอข้อมูลและโอกาสการลงทุนในประเทศไทยแก่นักลงทุนจีน ตอกย้ำศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนแห่งภูมิภาค โดยมี สมาคมอุตสาหกรรม และหน่วยงานภาครัฐจากทั้งสองประเทศเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
การเข้าร่วมงานครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอศักยภาพของนิคมอุตสาหกรรมอุบลราชธานี ในฐานะ Green Industrial Estate แห่งใหม่ของภูมิภาคอีสาน ที่มีจุดแข็งทั้งด้านทำเลเชิงยุทธศาสตร์ Gateway สู่ CLMV และจีนตอนใต้ ความได้เปรียบด้านต้นทุน และความพร้อมด้านพลังงานสะอาดและทรัพยากรน้ำที่อุดมสมบูรณ์
ไฮไลท์ที่โดดเด่น:
– แหล่งน้ำขนาดใหญ่และต้นทุนต่ำ — มีอ่างเก็บน้ำความจุเกิน 15 ล้านลูกบาศก์เมตร และระบบน้ำประปาอุตสาหกรรม 55,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำมาก เช่น PCB Board, Semiconductor, อาหารแปรรูป
– พลังงานสะอาด — โครงการ Solar Floating จากบ่อเก็บน้ำนิคมอุตสาหกรรม เสริมด้วย โครงการไฮบริดไฟฟ้าพลังงานน้ำ–แสงอาทิตย์ (Hydro–Solar Hybrid System) ที่เขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในโครงการใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่สำคัญของประเทศ ช่วยเสริมเสถียรภาพด้านพลังงานหมุนเวียนและตอบโจทย์ ESG อย่างชัดเจน
-ต้นทุนแข่งขันได้ — ค่าแรง ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และค่าที่ดินต่ำกว่า EEC อย่างมีนัยสำคัญ
-สิทธิประโยชน์ BOI และ กนอ. — ยกเว้น CIT สูงสุด 13 ปี พร้อมสิทธิ์ถือครองที่ดินและอำนวยความสะดวกด้านวีซ่า/เวิร์คเพอร์มิต
นาย ณัฐวัฒน์ เลิศสุรวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุบลราชธานี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า:
“หนึ่งในความได้เปรียบที่ชัดเจนของนิคมอุตสาหกรรมอุบลราชธานีคือทรัพยากรน้ำที่มีปริมาณมากและต้นทุนต่ำ ทำให้เราสามารถรองรับอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำเข้มข้น เช่น PCB Board และ Semiconductor ได้อย่างมั่นคง อีกทั้งยังเสริมด้วยพลังงานสะอาดจากทั้ง Solar Floating ของนิคมฯและเขื่อนสิรินธร Hydro–Solar Hybrid System เพื่อรองรับความต้องการด้านไฟฟ้าและ ESG ของนักลงทุนสากล”
การเข้าร่วมงานครั้งนี้สะท้อนภาพลักษณ์ของนิคมอุตสาหกรรมอุบลราชธานีในฐานะ “Smart Green Industrial Hub of ASEAN” ที่พร้อมดึงดูดการลงทุนใหม่ ๆ และสร้างความร่วมมือไทย–จีนอย่างยั่งยืน












































































































































